settings icon
share icon

พระธรรมฮาบากุก

ผู้ประพันธ์: ฮาบากุก 1: 1 ระบุพระธรรมฮาบากุกเป็นครุวาทจากผู้เผยพระวจนะฮาบากุก

ฮาบากุก 1:1 “ครุวาทของพระเจ้าซึ่งฮาบากุกผู้เผยพระวจนะได้เห็นมา”

วันที่เขียน: พระธรรมฮาบากุกอาจขียนขึ้นระหว่างปี ก.ค.ศ. 610 และ 605

จุดประสงค์ของการเขียน: าบากุกกำลังสงสัยว่าทำไมพระเจ้าทรงยอมให้ผู้คนที่ทรงเลือกสรรต้องพบความทุกข์ทรมานอยู่เรื่อยภายใต้เงื้อมมือของพวกศัตรู พระเจ้าทรงตอบและความศรัทธาของฮาบากุกกลับคืนมา

ข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญ:
ฮาบากุก 1:2 “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะร้องทุกข์นานสักเท่าใด และพระองค์มิได้ทรงฟัง หรือข้าพระองค์จะร้องทูลต่อพระองค์ว่า ‘ทารุณ พระเจ้าข้า’ และพระองค์ก็ไม่ทรงช่วย”

ฮาบากุก 1:5 “จงมองทั่วประชาชาติต่างๆและดูให้ดี จงประหลาดและแปลกใจ เพราะเรากำลังประ กอบกิจในสมัยของเจ้า ถึงจะบอก เจ้าก็จะไม่เชื่อ”

ฮาบากุก 1:12.”ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ องค์ผู้บริสุทธิ์ของข้าพระองค์ พระองค์มิได้ดำรงมาแต่นิรันดร์ดอกหรือ ข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่ตาย ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงสถาปนาเขาไว้เพื่อแก่การพิพากษา โอพระศิลา พระองค์ทรงตั้งเขาไว้เพื่อแก่การตีสอน”

ฮาบากุก 2:2-4 “และพระเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิตนั้นลงไป จงเขียนไว้บนแผ่นป้ายให้กระจ่าง เพื่อให้คนที่วิ่งอ่านได้คล่อง เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่ มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก ดูเถิด ผู้ที่จิตใจไม่ชอบธรรมก็จะล้ม แต่ว่าคนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ ด้วยความซื่อสัตย์”

ฮาบากุก 2:20 “แต่พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ จงให้สิ้นทั้งพิภพ อยู่สงบต่อพระพักตร์พระองค์เถิด”

ฮาบากุก 3:2 “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระราชกิจของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ยำเกรง พอถึงกลางยุคขอทรงรื้อฟื้นพระราชกิจนั้นขึ้นใหม่ พอถึงกลางยุคขอทรงแจ้งให้ทราบทั่วกัน เมื่อทรงกริ้ว ขอทรงระลึกถึงความกรุณา”

ฮาบากุก 3:19 “พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้า เหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้ง หลายของข้าพเจ้า ถึงหัวหน้านักร้อง ใช้เครื่องสาย”

บทสรุปโดยย่อ: พระธรรมฮาบากุกเริ่มต้นด้วยการที่ฮาบากุกร้องทุกข์ต่อพระเจ้าขอให้ทรงตอบว่า ทำไมคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรได้รับอนุญาตให้ทนทุกข์ต่อการตกเป็นเชลย

ฮาบากุก 1:1-4 “ครุวาทของพระเจ้าซึ่งฮาบากุกผู้เผยพระวจนะได้เห็นมา ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะร้องทุกข์นานสักเท่าใด และพระองค์มิได้ทรงฟัง หรือข้าพระองค์จะร้องทูลต่อพระองค์ว่า “ทารุณพระเจ้าข้า” และพระองค์ก็ไม่ทรงช่วย ไฉนพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์เห็นการชั่ว และให้มองเห็นความยากลำบาก ทั้งการทำลายและความทารุณก็อยู่ตรงหน้าข้าพระองค์ การวิวาทและการทุ่มเถียงกันก็เกิดขึ้น ดังนั้น ธรรมบัญญัติจึงหย่อนยาน และความยุติธรรมก็มิได้ปรากฏเสียเลย เพราะว่าคนอธรรมล้อมรอบคนชอบธรรมไว้ ความยุติธรรมจึงปรากฏอย่างวิปลาส” พระเจ้าทรงประทานคำตอบของพระองค์แก่ฮาบากุกอย่างมีนัยยะสำคัญว่า "เจ้าจะไม่เชื่อหากเราจะบอกเจ้า"

ฮาบากุก 1: 5-11 “จงมองทั่วประชาชาติต่างๆและดูให้ดี จงประหลาดและแปลกใจ เพราะเรากำลังประกอบกิจในสมัยของเจ้า ถึงจะบอกเจ้าก็จะไม่เชื่อ เพราะนี่แน่ะ เรากำลังเร้าคนเคลเดีย ประชาชาติที่ขมขื่นและรีบร้อนนั้น ผู้กรีธาทัพไปทั่วโลก เพื่อยึดเอาบ้านเรือนที่มิใช่ของตน เขาเป็นที่น่าครั่นคร้ามและสยดสยอง ความยุติธรรมและความโอ่อ่าของ เขาออกมาจากพวกเขาเอง ม้าทั้งหลายของเขาก็เร็วกว่าเสือดาว และดุร้ายยิ่งกว่าหมาป่ายามเย็น พลม้าของเขารุดหน้าเรื่อยไปอย่างผยอง เออ พลม้าของเขามาจากถิ่นที่ไกล มันบินไปอย่างนกอินทรีคอยทำลายเร็วนัก เขาทั้งหลายพากันมาเพื่อความทารุณ ความสยดสยองเพราะเขานำหน้าเขาทั้งหลายไป เขารวบรวมเชลยไว้มากมายเหมือนทราย เขาเยาะเย้ยบรรดากษัตริย์ และเขาหัวเราะเยาะเจ้านายทั้งหลาย เขาหัวเราะเยาะป้อมปราการทุกแห่ง เพราะเขาพูนดินขึ้นเอาชนะป้อมนั้น แล้วเขาก็กวาดผ่านไปเหมือนลมพัดเลยไป เขาเป็นคนมีกรรมชั่ว อานุภาพของเขาก็คือพระของเขา” แล้วฮาบากุกกราบทูลต่อไปว่า "พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า แต่ขอทรงบอกข้าพระองค์หน่อยว่าทำไมเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น"

ฮาบากุก 1:17-2:1 “แล้วคนเคลเดียจะชักดาบออกเรื่อยไป และฆ่าประชาชาติทั้งหลายอย่างไร้เมตตาหรือ ข้าพเจ้าจะยืนเฝ้าดูอยู่ ข้าพเจ้าจะยืนที่หอคอย และมองออกไปเพื่อจะฟังดูว่า พระองค์จะตรัสอะไรแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะทูลตอบพระองค์เกี่ยว ด้วยการร้องทุกข์ของข้าพ เจ้าอย่างไร” แล้วพระเจ้าทรงตอบเขาอีกครั้ง และทรงเปิดเผยให้เขาทราบเพิ่มเติม แล้วทรงบอกว่าแผ่นดินจะเงียบต่อพระพักตร์พระองค์

ฮาบากุก 2:2-20 “และพระเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิตนั้นลงไป จงเขียนไว้บนแผ่นป้ายให้กระจ่าง เพื่อให้คนที่วิ่งอ่านได้คล่อง เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่ มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก ดูเถิด ผู้ที่จิตใจไม่ชอบธรรมก็จะล้ม แต่ว่าคนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ ด้วยความซื่อ สัตย์ ยิ่งกว่านั้น ความมั่งคั่งล่อลวงคนประมาท เขาจะไม่รู้จักสงบ ความตะกละของเขากว้างเหมือนอย่างแดนคนตาย อย่างมัจจุราชไม่เคยรู้จักอิ่ม เขากอบโกยประชาชาติทั้งหลายมา เพื่อตัวเขาเอง แล้วรวบรวมชนชาติทั้งหลายเข้ามาเป็นคนของตน’ ประชาชาติทั้งสิ้นเหล่านี้จะไม่ยกคำเย้ยหยันกล่าวต่อเขาหรือ และยกทุพภาษิตกล่าวเยาะเขาว่า ‘วิบัติแก่ผู้ที่สะสมสิ่งที่มิใช่ของตนไว้ (จะทำอย่างนี้ได้นานเท่าใดนะ) และบรรทุก ของที่ยึดเป็นประกันไว้เต็มตัว ลูกหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมาในปัจจุบันทันด่วนหรือ และผู้ใดที่กระทำให้เจ้าตัวสั่นจะไม่ตื่นขึ้นหรือ แล้วเจ้าก็จะถูกเขาริบบ้างละ เพราะว่าเจ้าได้ปล้นมาแล้วหลายประชาชาติ ชนชาติทั้งหลายที่เหลืออยู่นั้น จึงจะมาปล้นเจ้า เพราะเจ้าทำให้โลหิตมนุษย์ตกและเพราะการทารุณต่อโลก ต่อบรรดาหัวเมืองและ ต่อผู้ที่อยู่ในเมืองนั้น วิบัติแก่ผู้ที่ได้กำไรมาสู่เรือนของตนด้วยความชั่ว เพื่อจะวางรังของตัวให้สูงเด่นขึ้น เพื่อมิให้อันตรายเอื้อมถึงได้ ที่จริงเจ้าได้ออกอุบายหาความอับอายมาสู่เรือนของเจ้า โดยกำจัดชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากเสีย เจ้าต้องเสียชีวิตของเจ้า เพราะว่าศิลาจะตะโกนออกมาจากผนัง และขื่อก็จะตอบสนองมาจากหมู่ตัวไม้ในเรือน วิบัติแก่ผู้สร้างเมืองด้วยโลหิต และวางรากนครไว้ด้วยความชั่ว ดูเถิด ที่บรรดาชนชาติทำงานก็เพื่อแก่ไฟ และที่ชนชาติทั้งหลายทำจนเหน็ดเหนื่อย ก็เพื่อแก่ การไร้สาระ มิได้เป็นเช่นนี้เพราะพระเจ้าจอมโยธาดอกหรือ เพราะว่าพิภพจะเต็มไปด้วย ความรู้ในเรื่องพระสิริของพระเจ้าดังน้ำที่เต็มทะเล วิบัติแก่ผู้นั้นที่กระทำให้เพื่อนบ้านดื่ม ปนความโกรธของตนเข้าด้วย และทำให้เขาเมาไป เพื่อจะเพ่งดูความเปลือยเปล่าของเพื่อนบ้าน เจ้าจะอิ่มไปด้วยความอับอาย ไม่ใช่อิ่มด้วยศักดิ์ศรี เจ้าดื่มเองซิ แล้วก็มลทินไป ถ้วยซึ่งอยู่ในพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า จะเวียนมาถึงเจ้า แล้วความอับอายจะมาอยู่เหนือศักดิ์ศรีของเจ้า ความทารุณที่เจ้ากระทำแก่เลบานอนจะท่วมเจ้า ความพินาศของสัตว์เดียรัจฉานจะกระ ทำให้เจ้ากลัว เพราะเจ้าทำให้โลหิตมนุษย์ตกและเพราะการทารุณต่อโลก ต่อบรรดาหัวเมืองและต่อผู้ที่อยู่ในเมืองนั้น รูปแกะสลักให้ประโยชน์อะไรเล่า รูปที่ช่างได้แกะสลักไว้ รูปหล่ออันเป็นครูสอนความเท็จให้ประโยชน์อะไร ที่ช่างจะวางใจในสิ่งที่เขาสร้างขึ้น ที่ช่างจะสร้างพระใบ้ วิบัติแก่ผู้ที่กล่าวแก่สิ่งที่ทำด้วยไม้ว่า จงตื่นเถิด แก่หินใบ้ว่า จงลุกขึ้นเถิด สิ่งนี้สั่งสอนอะไรได้หรือ ดูเถิด สิ่งนั้นกะไหล่ทองคำหรือเงิน แต่ไม่มีลมหายใจในสิ่งนั้นเลย แต่พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ จงให้สิ้นทั้งพิภพอยู่สงบต่อ พระพักตร์พระองค์เถิด”. แล้วฮาบากุกเขียนคำอธิษฐานแสดงความเชื่อที่เข้มแข็งของเขาในพระเจ้า แม้ผ่านการทดลองเหล่านี้

ฮาบากุก 3:1-19 “คำอธิษฐานของฮาบากุกผู้เผยพระวจนะ ตามทำนองชิกิโอโนท ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า พระราชกิจของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ยำเกรง พอถึงกลางยุคขอทรงรื้อฟื้นพระราชกิจนั้นขึ้นใหม่ พอถึงกลางยุคขอทรงแจ้งให้ทราบทั่วกัน เมื่อทรงกริ้ว ขอทรงระลึกถึงความกรุณา พระเจ้าเสด็จจากเทมาน องค์บริสุทธิ์เสด็จจากภูเขาปาราน สง่าราศีของพระองค์คลุมทั่วฟ้าสวรรค์ และโลกก็เต็มด้วยคำสรรเสริญพระองค์ ความผ่องใสของพระองค์ดังแสงสว่าง มีลำแสงแวบมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงกำบังฤทธานุภาพของพระองค์เสียที่นั่น โรคระบาดเดินนำหน้าพระองค์ ภัยพิบัติมาชิดตามหลังพระองค์ พระองค์ประทับยืนและทรงวัดพิภพ พระองค์ทอดพระเนตรและทรงเขย่าประชาชาติ แล้วภูเขานิรันดร์กาลก็กระจัดกระจาย และเนินเขาอันอยู่เนืองนิตย์ก็ยุบต่ำลง การเสด็จของพระองค์ก็เป็นดังดั้งเดิม ข้าพเจ้าได้เห็นเต็นท์ของคนคูชันอยู่ในสภาพทุกข์ใจ และม่านแห่งแผ่นดินมีเดียนหวั่น ไหว ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระพิโรธต่อแม่น้ำหรือ พระองค์ทรงกริ้วต่อแม่น้ำหรือ หรือว่าพระองค์ทรงโกรธทะเล เมื่อพระองค์เสด็จทรงม้า เมื่อทรงรถรบแห่งความมีชัย พระองค์ทรงดึงแล่งคันธนูออกเสียแล้ว ทรงบรรจุลูกธนูไว้ในสายของมัน พระองค์ทรงแยกพิภพด้วยแม่น้ำ บรรดาภูเขาเห็นพระองค์ก็บิดเบี้ยวไป กระแสน้ำที่ดุเดือดก็กวาดผ่านไป มหาสมุทรก็ส่งเสียง มันยกมือของมันขึ้นเบื้องสูง ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นิ่งเฉยอยู่ในที่ของมัน เมื่อแสงแห่งลูกธนูของพระองค์พุ่งผ่านไป เมื่อแสงแวบวาบแห่งหอกอันเป็นเงาของพระองค์พุ่งไป พระองค์เสด็จไปเหนือพิภพด้วยความโกรธา พระองค์ทรงเหยียบย่ำประชาชาติด้วยความกริ้ว พระองค์เสด็จออกไปเพื่อช่วยประชากรของพระองค์ให้รอด เพื่อช่วยผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ให้รอด พระองค์ทรงทำลายบ้านของคนอธรรมให้แหลก เผยให้เห็นรากฐานแม้ถึงพื้นหิน พระองค์ทรงแทงศีรษะนักรบของเขาด้วยหอกของพระองค์ ผู้มาอย่างลมบ้าหมู เพื่อจะกระจายข้าพเจ้าเสีย เขาจะเปรมปรีดิ์ดังว่าจะกินคนจนเสียเป็นความลับ พระองค์ทรงเหยียบย่ำทะเลด้วยม้าของพระองค์ คือน้ำมากหลายซึ่งเดือดพลุ่ง ข้าพเจ้าได้ยิน และท้องของข้าพเจ้าก็สะเทือน พอได้ยินเสียง ปากของข้าพเจ้าก็สั่น กระดูกของข้าพเจ้าก็ผุพัง และข้าพเจ้าก็สะเทือนอยู่ในที่ของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าคอยวันแห่งความลำบากอยู่เงียบๆ คือวันที่จะมาถึงประชาชนที่บุกรุกเรา แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรง เป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูง ทั้งหลายของข้าพเจ้า ถึงหัวหน้านักร้อง เครื่องสาย”

ลางบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า: ฮาบากุก 2:4 “ดูเถิด ผู้ที่จิตใจไม่ชอบธรรมก็จะล้ม แต่ว่าคนชอบธรรมจะดำรงชีวิตอยู่ ด้วยความซื่อ สัตย์”

อัครทูตเปาโลอ้างอิงถ้อยคำจากพระธรรมฮาบากุก 2: 4 ในโอกาสที่แตกต่างกันสองครั้ง (โรม 1:17; กาลาเทีย 3:11) เพื่อตอกย้ำหลักคำสอนเรื่องการปรับให้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อ ความเชื่อที่เป็นของประทานจากพระเจ้ากระทำได้เชื่อในพระคริสต์ ทันใดนั้นแหละที่ความเชื่อจะช่วยให้เรารอด และดำรงความเชื่อนั้นไว้ตลอดชีวิต

เอเฟซัส 2:8-9 “ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้”

เราบรรลุชีวิตนิรันดร์โดยความเชื่อและเราดำเนินชีวิตคริสเตียนโดยความเชื่อเดียวกัน ไม่เหมือนที่เขา "ภูมิใจ" ในตอนต้นของข้อพระคัมภีร์ ที่จิตวิญญาณของเขาไม่ชอบธรรมในตัวเองและความปรารถนาของเขาก็ไม่เที่ยงธรรม แต่เราได้ถูกปรับให้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ คือชอบธรรมอย่างสมบูรณ์ เพราะพระองค์ได้ทรงแลกความชอบธรรมพระองค์ที่สมบูรณ์นั้นด้วยความบาปของเราแล้วเพราะเห็นแก่เรา และทรงช่วยให้เราสามารถดำรงอยู่โดยความเชื่อ

2โครินธ์ 5:21 “เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์”

การประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ: ผู้อ่านนำพระธรรมฮาบากุกมาประยุกต์ใช้ได้คือว่า เราได้รับอนุญาตให้ตั้งคำถามพระเจ้าว่าทรงทำอะไร แต่มีข้อแม้ว่าด้วยความเคารพและยกย่องนับถือ บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เป็นที่เราเห็นชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าตกอยู่ในความทุกข์ทรมานชั่วระยะเวลาหนึ่ง หรือถ้ามันดูเหมือนว่าศัตรูของเรากำลังเจริญรุ่งเรืองในขณะที่เราแค่เพียงไม่ได้มีอะไรนัก อย่างไรก็ตาม พระธรรมฮาบากุก ยืนยันว่าพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทรงมีฤทธิ์อำนาจสูงสุด ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์ เพียงแต่เราต้องสงบนิ่งและรู้ว่าพระองค์กำลังทรงทำงานอยู่ พระองค์ทรงเป็นดังที่ทรงบอกว่าทรงเป็น และทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์ พระองค์ จะทรงลงโทษคนชั่วแม้ในขณะที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ พระองค์ยังทรงครองบัลลังก์แห่งจักรวาล เราจำเป็นต้องโฟกัสไปที่เรื่องนี้: "พระเยโฮวาห์คือองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้งหลายของข้าพเจ้า " (ฮาบากุก 3:19) การทรงกระทำให้เราสามารถเดินไปอยู่บนที่สูง จะพาเราไปยังสถานที่ที่สูงขึ้นกับพระ องค์ ในสถานที่ทรงแยกเราไปอยู่ห่างจากโลก บางครั้งทางที่เราต้องเดินทำให้เราผ่านความทุกข์ทรมานและความเศร้าโศก แต่ถ้าเราพักพิงในพระองค์และวางใจในพระองค์ เราจะออกมาอยู่ในที่ซึ่งพระองค์ประสงค์ให้เราอยู่

English



การสำรวจพันธสัญญาใหม่

การสำรวจพระคัมภีร์

กลับสู่หน้าภาษาไทย

พระธรรมฮาบากุก
แบ่งปันหน้านี้: Facebook icon Twitter icon Pinterest icon Email icon
© Copyright Got Questions Ministries