settings icon
share icon
คำถาม

คำพยากรณ์เรื่องกษัตริย์เมืองไทระในพระธรรมเอเสเคียลบทที่ 28 หมายถึงซาตานใช่ไหม ?

คำตอบ


เอเสเคียล 28:11-19 “พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า .’บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญ เพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำ และลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง เจ้าก็ปราศจากตำหนิในวิธีการทั้งหลายของเจ้า ตั้งแต่วันที่เจ้าได้ถูกสร้างขึ้น มาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้า ในความอุดมสมบูรณ์แห่งการค้าของเจ้านั้น เจ้าก็เต็มด้วยการทารุณ เจ้ากระทำบาป เราจะกำจัดเจ้าเสียจากภูเขาแห่งพระเจ้า และเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไป จากท่ามกลางศิลาเพลิง จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลง เพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า เจ้ากระทำให้สถานนมัสการของเจ้าสาธารณ์ โดยความบาปชั่วมากมายของเจ้า ในการค้าอันไม่ชอบธรรมของเจ้า เหตุฉะนั้นเราจึงนำไฟลงมาจากหมู่พวกเจ้า ไฟก็เผาผลาญเจ้า เรากระทำให้เจ้ากลับเป็นเถ้าไปบนพื้นโลก ในสายตาของคนทั้งปวงที่เห็นเจ้า บรรดาผู้ที่รู้จักเจ้าท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย เขาก็ตกตะลึงเพราะเจ้า เจ้าสิ้นสูญลงอย่างน่าครั่นคร้าม และจะไม่ดำรงอยู่อีกต่อไปเป็นนิตย์”

ตั้งแต่แรกเห็น คำทำนายที่นี่ดูเหมือนว่าจะหมายถึงกษัตริย์ที่เป็นบุคคล เมืองไทระเป็นผู้รับคำแช่งสาปตามทำนายที่ร้ายแรงที่สุดบางเรื่องในพระคัมภีร์

อิสยาห์ 23:1–18 “ครุวาทเกี่ยวกับเมืองไทระ โอ บรรดากำปั่นแห่งทารชิช จงคร่ำครวญ เพราะว่าเมืองนั้นถูกทำลายร้างเสียแล้ว ไม่มีเรือนหรือท่าจอดเรือ เผยให้เขาทั้งหลายประจักษ์ ณ แผ่นดินไซปรัส โอ ชาวทะเลเอ๋ย จงนิ่งเสีย เจ้าซึ่งพ่อค้าแห่งเมืองไซดอน ที่ผู้ผ่านข้ามทะเลไป ได้ทำให้เจ้าเต็มบริบูรณ์ และข้ามน้ำมากหลาย รายได้ของเมืองนั้นคือข้าวเมืองชิโหร์ เป็นผลเกี่ยวเก็บของแม่น้ำไนล์ เมืองนั้นเป็นพ่อค้าของบรรดาประชาชาติ โอ ไซดอนเอ๋ย จงอับอายเถิด เพราะทะเลได้พูดแล้ว ที่กำบังเข้มแข็งของทะเลพูดว่า ‘ข้ามิได้ปวดครรภ์หรือข้ามิได้คลอดบุตร ข้ามิได้เลี้ยงดูคนหนุ่ม หรือบำรุงเลี้ยงหญิงพรหมจารี’ เมื่อเรื่องราวมาถึงอียิปต์ เขาทั้งหลายจะแสนระทมอยู่ ด้วยเรื่องราวเมืองไทระ จงข้ามไปยังทารชิชเถิด โอ ชาวชายทะเลเอ๋ย จงคร่ำครวญ! นี่เป็นเมืองที่สนุกสนานของเจ้าทั้งหลายหรือ ซึ่งกำเนิดมาแต่กาลโบราณ ซึ่งเท้าได้พามันไปตั้งอยู่ไกล ผู้ใดได้มุ่งหมายไว้เช่นนี้ต่อเมืองไทระ ผู้ให้มงกุฎ ซึ่งบรรดาพ่อค้าของมันเป็นเจ้านาย ซึ่งพวกพาณิชของมันเป็นคนมีเกียรติของโลก พระเจ้าจอมโยธาทรงมุ่งหมายไว้ เพื่อจะหลู่ความเย่อหยิ่งของศักดิ์ศรีทั้งสิ้น เพื่อหลู่เกียรติของผู้มีเกียรติทั้งสิ้นในแผ่นดินโลก โอ ธิดาแห่งทารชิชเอ๋ย จงท่วมแผ่นดินของเจ้าเหมือนแม่น้ำไนล์ ไม่มีสิ่งขัดขวางใดๆอีกแล้ว พระองค์ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์เหนือทะเล พระองค์ทรงสั่นบรรดาราชอาณาจักร พระเจ้าทรงบัญชาเกี่ยวกับเรื่องคานาอัน เพื่อจะทำลายที่กำบังเข้ม แข็งของมันเสีย และพระองค์ตรัสว่า “โอ ธิดาพรหมจารีผู้ถูกบีบบังคับแห่งไซดอนเอ๋ย เจ้าจะไม่ลิงโลดต่อไปอีก จงลุกขึ้นข้ามไปไซปรัสเถิด แม้ที่นั่นเจ้าก็จะไม่มีความสงบ’ จงดูแผ่นดินแห่งคนเคลเดียเถิด เป็นชนชาตินี้ ไม่ใช่อัสซีเรีย เขาลิขิตให้ไทระเป็นที่สัตว์ป่าอยู่ เขาได้ก่อเชิงเทินของเขาขึ้น เขาทลายวังทั้งหลายของมันลง เขากระทำให้มันเป็นที่ปรักหักพัง โอบรรดากำปั่นแห่งทารชิชเอ๋ย จงคร่ำครวญเถิด เพราะว่าที่กำบังเข้มแข็งของเจ้าถูกทิ้งร้างเสียแล้ว ในเวลานั้น เขาจะลืมเมืองไทระเจ็ดสิบปี อย่างกับอายุของพระราชาองค์เดียว พอสิ้นเจ็ดสิบปี ก็จะบังเกิดแก่ไทระอย่างเพลงของหญิงแพศยาว่า โอ หญิงแพศยาที่เขาลืมแล้วเอ๋ย จงหยิบพิณ เดินไปทั่วเมือง จงบรรเลงเพลงไพเราะ ร้องเพลงหลายๆบท เพื่อเขาจะระลึกเจ้าได้’ เมื่อสิ้นเจ็ดสิบปี พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนเมืองไทระ และเมืองนั้นจะกลับไปรับจ้างใหม่ และจะเล่นชู้กับบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นบนพื้นโลก สินค้าของมันและสินจ้างของมันจะเป็นของถวายแด่พระเจ้า จะไม่สะสมไว้หรือเก็บนิ่งไว้ แต่สินค้าของมันจะอำนวยอาหารอุดมและเสื้อผ้างาม แก่บรรดาผู้ที่อยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า

เยเรมีย์ 25:22 “บรรดากษัตริย์แห่งเมืองไทระ บรรดากษัตริย์เมืองไซดอนและบรรดากษัตริย์แห่งเมือง ชายทะเลฟากโน้น”

เยเรมีย์ 27:1–11 “ในต้นรัชกาลเศเดคียาห์ ราชบุตรของโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ พระวจนะนี้มาจากพระเจ้าถึงเยเรมีย์ พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงทำสายรัดและแอกสำหรับตัวเจ้า จงสวมคอของเจ้า และส่งมันไปยังกษัตริย์แห่งเอโดม กษัตริย์แห่งโมอับ และกษัตริย์แห่งคนอัมโมน กษัตริย์แห่งไทระ และกษัตริย์แห่งไซดอน ด้วยมือของทูตที่มาเข้าเฝ้าเศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม จงฝากคำกำชับเหล่านี้แก่บรรดานายของเขาว่า 'พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า เจ้าจงกล่าวเรื่องต่อไปนี้ให้นายของเจ้าฟังว่า นี่คือเราเอง ผู้ได้สร้างโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์ซึ่งอยู่ในโลกด้วยฤทธานุภาพ ใหญ่ยิ่งและด้วยแขนที่เหยียดออกของเรา และเราจะให้แก่ผู้ใดก็ได้สุดแต่เราเห็นชอบ บัดนี้ เราได้ให้แผ่นดินเหล่านี้ทั้งสิ้นไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรา และเราได้ให้สัตว์ป่าทุ่งแก่เขาด้วย ที่จะปรนนิบัติเขา บรรดาประชาชาติทั้งสิ้นจะต้องปรนนิบัติตัวเขา ลูกและหลานของเขา จนกว่าเวลากำหนดแห่งแผ่นดินของท่านเองจะมาถึง แล้วหลายประชาชาติ และบรรดามหากษัตริย์จะกระทำให้ท่านเป็นทาสของเขาทั้งหลาย ‘แต่ถ้าประชาชาติใด หรือราชอาณาจักรใด จะไม่ปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนคนนี้ และไม่ยอมวางคอไว้ใต้แอกของกษัตริย์บาบิโลน เราจะลงโทษประชาชาตินั้นด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ จนกว่าเราจะล้างผลาญเสียด้วยมือของเขา เพราะฉะนั้นอย่าฟังผู้เผยพระวจนะ หรือผู้ทำนาย หรือคนช่างฝันของเจ้า หรือหมอดู หรือนักวิทยาคมของเจ้า ผู้ซึ่งกล่าวแก่เจ้าว่า 'ท่านจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์ แห่งกรุงบาบิโลนดอก' เพราะซึ่งเขาเผยพระวจนะให้ท่านนั้นเป็นความเท็จ อันยังผลให้ท่านต้องโยกย้ายไกลไปจากแผ่นดินของท่าน และเราจะขับไล่ท่านออกไป และท่านจะพินาศ แต่ประชาชาติใดซึ่งเอาคอของตนวางไว้ใต้แอกของกษัตริย์แห่งบาบิโลนและปรนนิบัติท่าน เราจะละเขาไว้บนแผ่นดินของเขา เพื่อให้ทำไร่ไถนาและให้อาศัยอยู่ที่นั่น พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”

(เอเสเคียล 26:1–28:10)

โยเอล 3:4–8 “โอ ไทระและไซดอน และประเทศฟีลิสเตีย ทุกแคว้นเอ๋ย เจ้าจะเอาอะไรกับเรา เจ้าจะแก้แค้นเราหรือ ถ้าเจ้าสนองเราอยู่ เราจะตอบสนองการกระทำของเจ้า เหนือศีรษะของเจ้าอย่างฉับพลันและอย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าได้เอาเงินของเราและทองคำของเราไป และเอาทรัพย์สมบัติมั่งคั่ง ของเราไปยังบรรดาวิหารของเจ้า เจ้าได้ขายประชาชนยูดาห์และ เยรูซาเล็มให้แก่พวกกรีก ถอนเขาไปไกลจากแดนเมืองของเขา ดูเถิด เราจะกระตุ้นเขาจากสถานที่ซึ่งเจ้าขายเขาไปนั้น เราจะตอบสนองการกระทำของเจ้าบนศีรษะของเจ้าเอง เราจะขายบุตรชายและบุตรหญิงของ เจ้าไว้ในมือของคนยูดาห์ และเขาทั้งหลายจะขายต่อไปยังคนเสบา แก่ประชาชาติหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป เพราะว่าพระเจ้าลั่นพระวาจาแล้ว”

อาโมส 1:9,10 “พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “การละเมิดของเมืองไทระ สามครั้ง และสี่ครั้ง เราจะไม่ยอมกลับการลงทัณฑ์ เพราะเขาได้มอบประชาชนทั้งหมด ให้แก่เอโดม และไม่ได้ระลึกถึงพันธสัญญาแห่งภราดรภาพ ดังนั้น เราจะส่งไฟมาบนกำแพงเมืองไทระ และไฟจะกินวังป้อมของเมืองนั้นเสีย”

เมืองไทระมีชื่อเสียงเรื่องสร้างความมั่งคั่งจากการเอาเปรียบพวกเพื่อนบ้าน นักเขียนสมัยโบราณเรียกเมืองไทระว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพ่อค้าที่ไร้ยางอาย เมืองไทระเป็นศูนย์กลางของรูปเคารพทางศาสนาและการผิดศีลธรรมทางเพศ ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์ตำหนิการทะนงตัวของเมืองไทระว่า เป็นเพราะมีความมั่งคั่งมหาศาลและทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ดี

เอเสเคียล 28: 11-19 น่าจะเป็นคำฟ้องที่รุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกษัตริย์เมืองไทระในสมัยผู้พยากรณ์เอเสเคียล ตำหนิกษัตริย์ที่มีความหยิ่งจองหองและความโลภ อย่างไรก็ตาม

คำบรรยายบางตอนในพระธรรมเอเสเคียล 28: 11-19 ไปไกลเกินกว่าแค่กษัตริย์ที่เป็นบุคคล รู้สึกว่าไม่มีกษัตริย์ในโลกองค์ใดสามารถอ้างว่าอยู่ "ในสวนอีเดน" หรือจะอยู่ที่ "เครูบที่ถูกเจิมไว้ที่ปกคลุม" หรือจะอยู่ "บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า" ดังนั้น นักแปลพระคัมภีร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพระธรรมเอเสเคียล 28: 11-19 เป็นคำทำนายแบบคู่ คือเปรียบเทียบความหยิ่งทะนงของกษัตริย์เมืองไทระกับความทะนงตัวของซาตาน บางคนเสนอว่ากษัตริย์เมืองไทระแท้จริงถูกครอบงำโดยซาตาน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองฝ่ายที่มีอำนาจมากกว่าและสามารถใช้งานได้ ก่อนซาตานตกจากสวรรค์ ที่จริงมีธรรมชาติที่ทรงสร้างสวยงาม (เอเสเคียล 28: 12-13) เขาอาจจะเป็นผู้ที่สวยงามและมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาทูตสวรรค์ทั้งหมด วลีที่ว่า "เครูบผู้ดูแลรักษา" อาจจะบ่งชี้ว่าซาตานเป็นทูตสวรรค์องค์ที่ "เฝ้าดูแล" ต่อหน้าที่ประทับของพระเจ้า ความหยิ่งทะนงพาให้ซาตานตกสวรรค์ แทนที่จะให้เกียรติแด่พระเจ้าผู้ได้ทรงสร้างเขาอย่างสวยงาม ซาตานถือเอาความทะนงในตัวเอง คิดว่าตัวเขาเองรับผิดชอบสถานะสูงส่งของเขา การที่ซาตานกบฏส่งผลให้พระเจ้าทรงโยนทิ้งซาตานลงมาจากสวรรค์ และในที่สุดส่งผลให้พระเจ้าทรงแช่งสาปซาตานให้ตกบึงไฟนรกชั่วนิรันดร์

วิวรณ์ 20:10 “พระวิญญาณได้ทรงดลใจข้าพเจ้าในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงดังมาจากเบื้องหลังข้าพเจ้าดุจเสียงแตร”

เช่นเดียวกับซาตาน กษัตริย์แห่งเมืองไทระทรงหยิ่งทะนง แทนที่จะตระหนักถึงอำนาจสูงสุดของพระเจ้า กษัตริย์เมืองไทระทะนงตัวว่าความร่ำรวยเป็นเพราะสติปัญญาและกำลังของพระองค์เอง ไม่พอใจกับฐานะที่โอ่อ่ามากเกินไปของพระองค์ กษัตริย์เมืองไทระพยายามเสาะหามากขึ้นและมากขึ้น ส่งผลในการได้ประโยชน์จากประเทศอื่น ๆ ขยายความมั่งคั่งของตัวเอง โดยผู้อื่นต้องเสียประโยชน์ไป แต่ความลำพองใจของซาตานนำไปสู่การล่มสลายของมันเอง และในที่สุดก็จะนำไปสู่หายนะชั่วนิรันดร์ของมัน ดังนั้นเมืองไทระก็สูญเสียความมั่งคั่ง อำนาจและสถานภาพ คำพยากรณ์ของเอเสเคียลเรื่องความหายนะหมดสิ้นของเมืองไทระสำเร็จลง ส่วนหนึ่งโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ และโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชมากที่สุด

วิวรณ์ 29:17-21 “เมื่อวันที่หนึ่ง เดือนที่หนึ่ง ในปีที่ยี่สิบเจ็ด พระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า ‘บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้ให้กองทัพมาสู้รบกับเมืองไทระอย่างหนักจนศีรษะทุก ศีรษะล้าน และบ่าทุกบ่าก็ถลอก ถึงกระนั้นท่านเองหรือกองทัพของท่านก็ไม่ได้ อะไรไปจากไทระอันเป็นค่าแรง ซึ่งท่านได้กระทำต่อเมืองนั้น เหตุฉะนั้นพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะมอบแผ่นดินอียิปต์ไว้กับเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์บาบิโลน และท่านจะขนเอาทรัพย์สมบัติไปและริบข้าวของไป และปล้นเอาไปเป็นค่าจ้างกองทัพของท่าน พระเจ้าตรัสว่า เราได้มอบแผ่นดินอียิปต์ ให้ไว้แก่ท่านเพื่อเป็นค่าแรงงานซึ่งเขา ทั้งหลายได้กระทำเพื่อเรา ‘ในวันนั้นเราจะกระทำให้มีเขางอกขึ้นมาที่ พงศ์พันธุ์อิสราเอล และเราจะให้เจ้าอ้าปากพูดท่ามกลางเขาทั้งหลาย แล้วเขาจะทราบว่าเราคือพระเจ้า” English



กลับสู่หน้าภาษาไทย

คำพยากรณ์เรื่องกษัตริย์เมืองไทระในพระธรรมเอเสเคียลบทที่ 28 หมายถึงซาตานใช่ไหม ?
แบ่งปันหน้านี้: Facebook icon Twitter icon Pinterest icon Email icon
© Copyright Got Questions Ministries