settings icon
share icon

พระธรรม 1 ซามูเอล

ผู้ประพันธ์: ไม่ปรากฏนามผู้ประพันธ์ เรารู้ว่าซามูเอลเขียนพระธรรมเล่มหนึ่งและเป็นไปได้มากที่เขาเขียนพระธรรมเล่มนี้บางส่วนด้วย

1ซามูเอล 10:25 “แล้วซามูเอลจึงบอกกับประชาชนให้ทราบถึงสิทธิ และหน้าที่ของตำแหน่งพระราชา และท่านบันทึกไว้ในหนังสือและวางถวายแด่พระเจ้าแล้ว ซามูเอลก็ให้ประชาชนกลับไปยังบ้านของตนทุกคน”

ผู้อื่นที่อาจมีส่วนร่วมเขียนพระธรรม 1 ซามูเอลเป็นผู้เผยพระวจนะ / นักประวัติศาสตร์ ชื่อนาธานและกาด

1พงศาวดาร 29:29 “ส่วนพระราชกิจของกษัตริย์ดาวิด ตั้งแต่ต้นจนที่สุด ดูเถิดได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของซามูเอล ผู้ทำนาย และในหนังสือพงศาวดารของนาธันผู้เผยพระวจนะ และในพระธรรมพงศาวดารของกาดผู้ทำนาย”

วันที่เขียน: เดิมทีเดียวพระธรรม 1 และ 2 ซามูเอลเป็นพระธรรมเล่มเดียวกัน นักแปลพระคัมภีร์ฉบับเซ็ปตัวเจนท์ได้แยกออกเป็นสองฉบับ และเรายังคงถือฉบับที่แยกกันแล้วนับตั้งแต่นั้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 1 ซามูเอลช่วงประมาณ 100 ปี จาก 1100 ปีก่อนคริสต์กาล ถึง 1000 ปีก่อนคริสต์กาล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 2 ซามูเอลกินเวลาอีก 40 ปี ถ้างั้นวันที่เขียนจะเป็นช่วงเวลาหนึ่งหลังจาก 960 ปีก่อนคริสตกาล

จุดประสงค์ของการเขียน: ซามูเอลฉบับแรกบันทึกประวัติศาสตร์ของอิสราเอลในแผ่นดินคะนาอัน เมื่อตอนที่พวกเขาเปลี่ยนการปกครองโดยผู้วินิจฉัยมาเป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ภายใต้กษัตริย์ปกครองแทน ซามูเอลปรากฏตัวโดยเป็นผู้วินิจฉัยคนสุดท้าย และเขาเจิมแต่งตั้งกษัตริย์สององค์แรกคือซาอูลและดาวิด

ข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญ:

1 ซามูเอล 8:6-7 “แต่เมื่อเขาพูดว่า “ขอตั้งพระราชาให้วินิจฉัยเราทั้งหลาย” ก็กระทำให้ซามูเอลไม่พอใจ และซามูเอลได้ทูลอธิษฐานต่อพระเจ้า และพระเจ้าทรงตอบซามูเอลว่า “จงฟังเสียงประชาชนในเรื่องที่เขาทั้งหลายขอต่อเจ้า เพราะว่าเขามิได้ละทิ้งเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้ละทิ้งเราไม่ให้เราเป็นกษัตริย์เหนือเขา “

1 ซามูเอล 13:13-14 “และซามูเอลกล่าวแก่ซาอูลว่า “ท่านได้กระทำการที่โง่เขลาเสียแล้ว ท่านมิได้รักษาพระบัญชาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ เพราะพระเจ้าจะได้ทรงสถาปนาราชอาณาจักรของท่านเหนืออิสราเอลเป็นนิตย์แล้ว แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระเจ้าทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัย พระองค์แล้ว และพระเจ้าทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือ ชนชาติของพระองค์ เพราะท่านมิได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้”

1ซามูเอล 15:22-23 “และซามูเอลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามาก เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชา และซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาป แห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์”

บทสรุปโดยย่อ: พระธรรม 1 ซามูเอลสามารถแบ่งออกเป็นสองตอนได้อย่างเป็นระเบียบ: ชีวิตของซามูเอล (บทที่ 1-12) และชีวิตของซาอูล (บทที่ 13-31)

พระธรรมเล่มนี้เริ่มต้นโดยซามูเอลกำเนิดมาอย่างอัศจรรย์ ซึ่งเป็นคำตอบต่อคำอธิษฐานอย่างจริงจังของมารดาของเขา สมัยเป็นเด็ก ซามูเอลอาศัยอยู่และทำหน้าที่รับใช้ในพระวิหาร พระเจ้าทรงแยกเขาออกมาเป็นผู้เผยพระวจนะ และคำเผยพระวจนะครั้งแรกของเด็กหนุ่ม เป็นหนึ่งในคำพิพากษาพวกปุโรหิตที่ประพฤติเสื่อมเสีย

1ซามูเอล 3:19-21 “และซามูเอลก็เติบโตขึ้น และพระเจ้าทรงสถิตกับท่านมิให้วาจาของท่านตกไป เปล่าแต่สักคำเดียว และชนอิสราเอลทั้งปวง ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบาก็ทราบว่า ซามูเอลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า และพระเจ้าทรงปรากฏอีกที่ชิโลห์ เพราะพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่ซามูเอลที่ชิโลห์ โดยพระดำรัสของพระเจ้า และถ้อยคำของซามูเอลมาถึงคนอิสราเอลทั้งปวง” .

ชนชาติอิสราเอลทำสงครามกับศัตรูตลอดกาลของพวกเขา คือพวกฟิลิสเตีย พวกฟิลิสเตียยึดเอาหีบพันธสัญญาและครอบครองไว้ได้ชั่วคราว แต่เมื่อพระเจ้าทรงส่งการพิพากษามา พวกฟิลิสเตียก็ต้องส่งคืนหีบกลับ ซามูเอลเรียกร้องให้ชนชาติอิสราเอลกลับใจใหม่แล้วก็ได้ชัยชนะเหนือพวกฟิลิสเตีย

1 ซามูเอล 7:3-6 “แล้วซามูเอลพูดกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งสิ้นว่า ‘ถ้าท่านทั้งหลายจะกลับมาหาพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของท่าน จงทิ้งพระต่างด้าวและพระอัชทาโรทเสียจากท่ามกลางท่านทั้งหลาย และปักใจของท่านตรงต่อพระเจ้าและปรนนิบัติแต่พระองค์ เท่านั้น พระองค์จะทรงช่วยกู้ท่านให้พ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย’ คนอิสราเอลจึงทิ้งพระบาอัลและพระอัชทาโรท และเขาทั้งหลายปรนนิบัติแต่พระเจ้าเท่านั้น แล้วซามูเอลกล่าวว่า “จงประชุมคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่เมือง มิสปาห์และข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อท่าน’ เขาทั้งหลายจึงประชุมกันที่มิสปาห์ และตักน้ำมาเทออกถวายแด่พระเจ้า และอดอาหารในวันนั้น และกล่าวที่นั่นว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเจ้า” และซามูเอลก็วินิจฉัยคนอิสราเอลที่เมืองมิสปาห์”

ชนชาติอิสราเอล ต้องการที่จะเป็นเหมือนประเทศอื่น ๆ ต้องการมีกษัตริย์ปกครอง ซามูเอลไม่พอใจในคำเรียกร้องของพวกเขา แต่พระเจ้าทรงบอกเขาว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาปฏิเสธการเป็นผู้นำของซามูเอล แต่พวกเขาปฏิเสธพระองค์ต่างหาก หลังจากซามูเอลตักเตือนประชาชนว่าการมีกษัตริย์ปกครองจะเป็นยังไง ซามูเอลเจิมตั้งชายชาวเบนยามินชื่อว่าซาอูล ให้เป็นผู้รับมงกุฏขึ้นเป็นกษัตริย์ที่เมืองมิสปาห์

1ซามูเอล 10:17-25 “ฝ่ายซามูเอลจึงเรียกประชาชน มาประชุมต่อพระเจ้าที่มิสปาห์ และท่านกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'เราได้นำอิสราเอลออกจากอียิปต์ และเราได้ช่วยกู้เจ้าทั้งหลายจากมือของชาวอียิปต์ และจากมือของราชอาณาจักรทั้งหลายที่บีบบังคับเจ้า' แต่วันนี้ท่านละทิ้งพระเจ้าของท่าน ผู้ซึ่งช่วยท่านให้พ้นจากความยากลำบากและความทุกข์ร้อน และท่านทั้งหลายกล่าวว่า 'เราไม่ยอม แต่ขอตั้งกษัตริย์ไว้เหนือเรา' เพราะฉะนั้นบัดนี้ท่านทั้งหลายจงเข้าเฝ้า พระเจ้าตามเผ่าของท่านและตามตระกูลของท่าน” แล้วซามูเอลก็นำเผ่าอิสราเอลทุกเผ่าเข้ามาใกล้ และจับฉลากได้เผ่าเบนยามิน ท่านก็นำเผ่าเบนยามินเข้ามาใกล้ตามตระกูล จับฉลากได้ตระกูลมัตรี และจับฉลากได้ซาอูลบุตรคีช แต่เมื่อเขาหาซาอูลก็หาไม่พบ เขาจึงทูลถามพระเจ้าต่อไปว่า ‘ชายคนนั้นมาที่นี่หรือยัง’ และพระเจ้าตรัสว่า ‘ดูเถิด เขาซ่อนตัวอยู่ที่กองสัมภาระ’ เขาทั้งหลายจึงวิ่งไปพาเขามาจากที่นั่น และเมื่อเขายืนอยู่ท่ามกลางประชาชน เขาก็สูงกว่าประชาชนทุกคนจากบ่าขึ้นไป ซามูเอลจึงกล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “ท่านเห็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกไว้แล้วหรือ ในท่ามกลางประชาชนไม่มีใครเหมือนท่าน” และประชาชนจึงร้องเสียงดังว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญ”

แล้วซามูเอลจึงบอกกับประชาชนให้ทราบถึงสิทธิ และหน้าที่ของตำแหน่งพระราชา และท่านบันทึกไว้ในหนังสือและวางถวายแด่พระเจ้าแล้ว ซามูเอลก็ให้ประชาชนกลับไปยังบ้านของตนทุกคน” ซาอูลพอใจในความสำเร็จครั้งแรกที่ชัยชนะในการทำสงครามกับพวกอัมโมน (บทที่ 11) แต่แล้วพระอง์ทรงทำผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วน ทรงถวายเครื่องบูชาตามอำเภอใจเอง (บทที่ 13) ทรงกล่าวคำสาบานโง่ ๆ ทำให้สูญเสียโอรสของพระองค์คือโยนาธาน (บทที่ 14) และทรงไม่เชื่อฟังพระบัญชาโดยตรงของพระเจ้า (บทที่ 15) ผลจากการขัดคำสั่งของซาอูล พระเจ้าทรงเลือกคนอื่นมาแทนที่ซาอูล ในระหว่างที่พระเจ้าทรงถอนคืนคำอวยพรจากซาอูล และวิญญาณชั่วเริ่มต้นยั่วยุให้ซาอูลบ้าคลั่ง

1ซามูเอล 16:14 “ฝ่ายพระวิญญาณของพระเจ้าก็พรากจากซาอูล และวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็ทรมานซาอูล”

ซามูเอลเดินทางไปที่เบธเลเฮมเพื่อเจิมเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อดาวิดให้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป (บทที่ 16) ต่อมาดาวิดได้เผชิญหน้ากับโกลิอัทชาวฟิลิสเตียจนทำให้เขามีชื่อเสียงและกลายเป็นวีรบุรุษของชาติ (บทที่ 17) ดาวิดทำหน้าที่รับใช้ในวังของซาอูล ได้แต่งงานกับพระธิดาของซาอูลและเป็นเพื่อนกับพระโอรสของซาอูล ซาอูลเองยิ่งเพิ่มความอิจฉาในความสำเร็จและความนิยมของดาวิดและทรงพยายามที่จะฆ่าดาวิด ดาวิดหลบหนีไปและนั่นเป็นการเริ่มต้นช่วงเวลาพิเศษแห่งการผจญภัย, การวางกลอุบายและความรัก ด้วความช่วยเหลืออย่างอัศจรรย์ยิ่ง ดาวิดรอดพ้นมือซาอูลผู้กระหายเลือดอย่างหวุดหวิด ได้เสมอเรื่อยมา (บทที่ 19-26) โดยผ่านสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ดาวิดยังคงสัตย์ซื่อและรักษามิตรภาพของเขากับโจนาธาน

ใกล้ถึงตอนจบของพระธรรมเล่มนี้ ซามูเอลได้ตายไปและซาอูลกลายเป็นคนหลงหายไป พอถึงคราต่อสู้กับพวกฟิลิสิเตีย ซาอูลพยายามหาคำตอบ เพราะทรงปฏิเสธพระเจ้า พระองค์ทรงพบว่าไม่มีความช่วยเหลือจากสวรรค์ และทรงพยายามปรึกษาพวกคนทรงผีแทน ในระหว่างการเข้าทรงนั้น วิญญาณชั่วของซามูเอลที่ขึ้นมาจากแดนตายได้ให้คำทำนายครั้งสุดท้ายว่า: ซาอูลจะต้องตายในการต่อสู้ในวันถัดไป คำทำนายเป็นจริง; ราชโอรสทั้งสามของซาอูลรวมทั้งโจนาธานรบแพ้ในการต่อสู้และซาอูลทรงปลงพระชนม์ตนเอง

ลางบอกเหตุการณ์ล่วงหน้า: คำอธิษฐานของนางฮันนาห์ใน 1 ซามูเอลบทที่ 2 ได้อ้างอิงคำทำนายหลายอย่างถึงพระคริสต์

1ซามูเอล 2:1-10 “นางฮันนาห์ได้อธิษฐานและกล่าวว่า “จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระเจ้า ในพระเจ้ากำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง ปากของข้าพเจ้าก็อ้ากว้างเข้าใส่ศัตรูของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเปรมปรีดิ์ในความรอดของพระองค์ ‘ไม่มีผู้ใดบริสุทธิ์ดังพระเจ้า ไม่มีผู้ใดนอกเหนือพระเจ้า ไม่มีศิลาใดเหมือนพระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย อย่าพูดโอหังอีกต่อไปเลย อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของเจ้าเลย เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของความรู้ การกระทำทั้งหลายพระองค์ทรงเป็นผู้ชั่งตรวจ คันธนูของผู้มีกำลังก็หัก แต่ผู้ที่ซวนเซก็ได้กำลังมาคาดเอว บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากิน แต่คนที่เคยหิวก็หยุดหิว คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน แต่นางที่มีบุตรมากก็เหี่ยวแห้งไป พระเจ้าทรงประหารและทรงให้มีชีวิต พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและก็นำขึ้นมา พระเจ้าทรงกระทำให้ยากจนและทรงกระทำให้มั่งคั่ง พระองค์ทรงกระทำให้ต่ำลงและพระองค์ทรงยกขึ้น พระองค์ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี พระองค์ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขยะ กระทำให้เขานั่งร่วมกับเจ้านาย และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก เพราะว่าเสาแห่งพิภพเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนนั้น ‘พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์ แต่คนอธรรมจะต้องนิ่งอยู่ในความมืด เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของตนก็หาไม่ ศัตรูของพระเจ้าจะแตกเป็นชิ้นๆ พระองค์จะทรงเอาฟ้าร้องในสวรรค์ต่อสู้เขา พระเจ้าจะทรงพิพากษาที่สุดปลายพิภพ พระองค์จะทรงประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์ และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้”

นางสรรเสริญพระเจ้าเป็นพระศิลาของนาง (ข้อ 2) และเรารู้จากเรื่องราวในพระกิตติคุณว่าพระเยซูทรงเป็นศิลาผู้ที่เราควรสร้างที่พักวิญญาณจิตของเราไว้ที่พระองค์ เปาโลกล่าวถึงพระเยซูว่าทรงเป็น "พระศิลาแห่งการปกป้องคุ้มครอง" แก่ชาวยิว

โรม 9:33 “ดังที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า จงดูเถิด เราได้วางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน ซึ่งจะทำให้สะดุดและหินก้อนหนึ่งซึ่งจะทำให้ล้ม แต่ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย”

พระคริสต์ทรงได้รับพระนามว่า "พระศิลาอันทรงชีวิต" ผู้ทรงประทานน้ำทิพย์แก่ชาวอิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร เช่นเดียวกับที่ทรงจัดเตรียม "น้ำแห่งชีวิต" เพื่อจิตวิญญาณของเรา

1โครินธ์ 10:4 “และได้ดื่มน้ำทิพย์ทุกคน เพราะว่าเขาได้ดื่มน้ำซึ่งไหลออกมาจากพระศิลาที่ติดตามเขามา พระศิลานั้นคือพระคริสต์”

ยอห์น 4:10 “พระเยซูตรัสตอบนางว่า ‘ถ้าเจ้าได้รู้จักของที่พระเจ้าประทาน และรู้จักผู้ที่พูดกับเจ้าว่า 'ขอน้ำให้เราดื่มบ้าง' เจ้าก็คงจะได้ขอจากท่านผู้นั้น และท่านผู้นั้นก็คงจะให้น้ำธำรงชีวิตแก่เจ้า’”

นอกจากนี้คำอธิษฐานของนางฮันนาห์ยังอ้างอิงถึงพระเจ้าผู้ที่จะทรงพิพากษาวันสิ้นโลก (1 ซามูเอล 2:10) ในขณะที่มัทธิวบทที่ 25 กล่าวถึงพระเยซูที่ทรงเป็นบุตรมนุษย์ผู้ที่จะเสด็จมาในพระสิริเพื่อพิพากษาทุกคน

มัทธิว 25:31-32 “เมื่อบุตรมนุษย์ทรงพระสิริเสด็จมากับทั้งหมู่ทูตสวรรค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทับบนพระที่นั่งอันรุ่งเรืองของพระองค์ บรรดาประชาชาติต่างๆ จะประชุมพร้อมกันต่อพระพักตร์พระองค์ และพระองค์จะทรงแยกมนุษย์ทั้งหลายออกเป็นสองพวก เหมือนอย่างผู้เลี้ยงแกะจะแยกแกะออกจากแพะ”

การประยุกต์ใช้ปฏิบัติ: เรื่องโศกเศร้าของซาอูลคือการศึกษาเรื่องโอกาสที่สูญเสียไป ทรงเป็นผู้ที่มีครบทุกอย่าง---เกียรติยศ สิทธิอำนาจ ความมั่งคั่ง ทรงสง่างามและอื่น ๆ แต่กระนั้นทรงสิ้นพระชนม์อย่างสิ้นหวัง ทรงหวาดกลัวพวกศัตรู และทรงรู้ว่าได้ทำให้ประเทศชาติล่มจม ครอบครัวของพระองค์สูญสิ้น และทรงหลงไปจากพระเจ้า

ซาอูลทรงทำผิดพลาดที่คิดว่าจะทรงทำให้พระเจ้าทรงโปรดโดยการไม่เชื่อฟัง เช่นเดียวกับหลายคนในปัจจุบัน ที่เชื่อว่าแรงจูงใจที่เหมาะสมจะชดเชยสำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดี บางทีอาจจะทรงฮึกเหิมอำนาจของตนมากเกินไป และทรงเริ่มคิดว่าจะทรงอยู่เหนือกฎระเบียบ อย่างใดก็ตามทรงเริ่มมีความคิดต่ำเมินพระบัญชาของพระเจ้าและยกย่องความคิดของตัวเอง แม้ในขณะที่ต้องเผชิญกับการกระทำผิดต่างๆ ทรงพยายามที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ผิดและนั่นคือถึงเวลาที่พระเจ้าทรงปฏิเสธพระองค์

1ซามูเอล 15:16-28 “แล้วซามูเอลจึงเรียนซาอูล ‘พอที ข้าพเจ้าจะขอเรียนท่าน ว่าพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไรคืนนี้’ และซาอูลก็เรียนท่านว่า ‘จงกล่าวไปเถิด’ และซามูเอลเรียนว่า “แม้ท่านเป็นแต่ผู้เล็กน้อยในสายตาของท่าน ท่านมิได้รับแต่งตั้งให้เป็นประมุขของบรรดาเผ่า อิสราเอลดอกหรือ พระเจ้าทรงเจิมท่านไว้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล และพระเจ้าทรงใช้ให้ท่านออกไปประกอบกิจ ตรัสว่า 'จงไปทำลายคนอามาเลขคนบาปหนาเสียให้สิ้นเชิง และต่อสู้กับเขาจนกว่าเขาจะถูกผลาญเสียหมด' เหตุใดท่านจึงไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเจ้า แต่ไปเฉี่ยวทรัพย์สิ่งของต่างๆ และกระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระเจ้า’ และซาอูลเรียนซามูเอลว่า “ข้าพเจ้าได้ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าได้ไปประกอบกิจตามที่พระเจ้าทรงใช้ข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าได้คุมตัวอากักพระราชาแห่งคนอามาเลขมา และข้าพเจ้าก็ได้ทำลายคนอามาเลขเสียอย่างสิ้นเชิง แต่พวกพลได้เก็บส่วนของทรัพย์เชลยรวมทั้งแกะและโคส่วน ที่ดีที่สุดจากของซึ่งกำหนดให้ทำลายนั้น เพื่อนำมาเป็นเครื่องสัตวบูชา แด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านที่ในเมืองกิลกาล’ และซามูเอลกล่าวว่า ‘พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามาก เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชา และซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาป แห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์’ และซาอูลเรียนซามูเอลว่า ‘ข้าพเจ้าได้กระทำบาปแล้ว เพราะข้าพเจ้าได้ฝ่าฝืนพระธรรม บัญญัติของพระเจ้าและคำของท่าน เพราะข้าพเจ้าเกรงกลัวประชาชน และยอมฟังเสียงของเขาทั้งหลาย เพราะฉะนั้นขอท่านโปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าและขอกลับไปกับข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการพระเจ้า’ และซามูเอลเรียนซาอูลว่า “ข้าพเจ้าจะไม่กลับไปกับท่าน เพราะท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า และพระเจ้าทรงถอดท่านจากเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ พอซามูเอลหันจะไป ซาอูลก็ได้ยึดชายเสื้อของ ท่านไว้และเสื้อนั้นก็ขาด และซามูเอลเรียนท่านว่า “ในวันนี้พระเจ้าได้ทรงฉีกราช อาณาจักรอิสราเอลเสียจากท่านแล้ว และทรงมอบให้แก่ผู้อื่นที่ดีกว่าท่าน”

ปัญหาของซาอูลเป็นปัญหาที่เราทุกคนเผชิญ—ปัญหาด้านจิตใจ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อจะได้พบความสำเร็จ และถ้าเรามีความลำพองใจ เท่ากับเรากบฏต่อพระองค์ เราทำตัวเองเพื่อพบกับการสูญเสีย

ตรงกันข้ามเลย ดาวิดไม่ได้ดูโดดเด่นมากในตอนแรก แม้แต่ในใจซามูเอลก็มองข้ามเขาไป

1ซามูเอล 16:6-7 “’อยู่มาเมื่อเขาทั้งหลายมาแล้ว ท่านก็มองเห็นเอลีอับจึงคิดว่า “ผู้ที่พระองค์ทรงให้เจิมไว้ก็อยู่ต่อพระพักตร์ พระเจ้าแน่แล้ว’ แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า ‘อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกาย ของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ’”

แต่พระเจ้าทรงเห็นหัวใจและเห็นในดาวิดคนหลังจากที่หัวใจของเขาเอง

1ซามูเอล 13:14 “แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของท่านจะไม่ยั่งยืน พระเจ้าทรงหาชายอีกคนหนึ่งตามชอบพระทัย พระองค์แล้ว และพระเจ้าทรงแต่งตั้งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้านายเหนือ ชนชาติของพระองค์ เพราะท่านมิได้รักษาสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่านไว้”

ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของดาวิดควบคู่กับความกล้าหาญของเขา และความบากบั่นในการอธิษฐาน นับเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเราทุกคน



English



การสำรวจพันธสัญญาใหม่

การสำรวจพระคัมภีร์

กลับสู่หน้าภาษาไทย

พระธรรม 1 ซามูเอล
แบ่งปันหน้านี้: Facebook icon Twitter icon Pinterest icon Email icon
© Copyright Got Questions Ministries